การนอน มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโตของเด็ก การนอนไม่ได้เป็นแค่การพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายหายเหนื่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาทองของการหลั่งฮอร์โมนสำคัญที่มีผลต่อความแข็งแรงและพัฒนาการของเด็กๆ ด้วย ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมต่อร่างกายนั้นแตกต่างกันไปตามช่วงวัย สำหรับเด็กวัยเรียนอายุ 6-12 ปี ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้ 9-12 ชั่วโมงต่อวัน
ช่วงวัย | ชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมต่อวัน |
เด็กทารกอายุ 4-12 เดือน | 12-16 ชั่วโมง |
เด็กเล็กอายุ 1-2 ปี | 11-14 ชั่วโมง |
เด็กวัยอนุบาลอายุ 3-5 ปี | 10-13 ชั่วโมง |
เด็กวัยประถมอายุ 6-12 ปี | 9-12 ชั่วโมง |
เด็กวัยรุ่นอายุ 13-18 ปี | 8-10 ชั่วโมง |
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็คือ เด็กๆ หลายคนเลิกเรียนที่โรงเรียนก็ช้า แล้วยังต้องไปเรียนพิเศษ ต้องเสียเวลาเดินทางฝ่ารถติดจนถึงบ้าน ต้องทำการบ้าน ทำภารกิจส่วนตัว กว่าจะได้เข้านอนก็ล่วงเลยไปจนดึก มีเวลานอนพักผ่อนน้อย แถมบางคนบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียน ทำให้ต้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเดินทาง ยิ่งทำให้มีเวลานอนน้อยลงไปอีก และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เด็กหลายคนมีพฤติกรรมติดเกมและเล่นโทรศัพท์จนเกินเลยเวลาที่ควรจะนอนหลับพักผ่อน ทำให้ชั่วโมงการนอนไม่เพียงพอ
พฤติกรรมการนอนที่ขาดสมดุลในเด็กวัยเรียนนั้นเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิด ข้อมูลจาก อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า เด็กที่นอนน้อยกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน สมองจะมีพัฒนาการที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ สติปัญญา และสุขภาพจิต เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันที่นอน 9 ชั่วโมงหรือมากกว่าต่อวัน นอกจากนี้ภาวะนอนน้อยในเด็กยังสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นด้วย
อย่าปล่อยให้ลูกนอนไม่พอ เพราะอาจเสี่ยงปัญหาตามมาเพียบ
- ปัญหาด้านสุขภาพ ลูกอาจจะป่วยง่ายเนื่องจากภูมิต้านทานต่ำ เพราะการนอนไม่พอทำให้ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้ความต้านทานต่อเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่ำลง ส่งผลให้เจ็บป่วยง่ายไม่สบายบ่อย
- ปัญหาเรื่องการเจริญเติบโต ลูกอาจมีส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ เพราะการนอนไม่เพียงพอ และเข้านอนดึกเป็นประจำ ทำให้สูญเสียช่วงเวลาทองที่ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ในขณะหลับสนิท ทำให้เสียโอกาสในการกระตุ้นสร้างมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตและความสูงของเด็ก
- ปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ลูกอาจมีน้ำหนักเกินเกณฑ์และเสี่ยงเป็นโรคอ้วน เพราะเมื่อนอนไม่พอร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเลปตินได้น้อยลง ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมความอยากอาหาร ทำให้หิวบ่อย และมีแนวโน้มที่จะกินขนมจุบจิบ กินอาหารแบบเร่งด่วน และกินของไม่มีประโยชน์เพียงเพื่อให้ท้องอิ่ม และการนอนไม่พอยังส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญ ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่วัยเด็ก
- ปัญหาจากโรคเรื้อรังในระยะยาว ลูกอาจเป็นโรคเรื้อรังตั้งแต่เด็กไปจนโต เพราะภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคเบาหวาน ซึ่งเริ่มเป็นได้ตั้งแต่เด็ก และเด็กที่มีน้ำหนักเกินก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินและมีปัญหาสุขภาพเรื้อรังต่อเนื่องในระยะยาวด้วย
- ปัญหาด้านการเรียน ลูกอาจมีผลการเรียนแย่ลง เพราะการนอนไม่พอส่งผลต่อการทำงานของคลื่นสมอง ที่ช่วยกระตุ้นระบบจัดเก็บความทรงจำให้ทำงานได้ดี ทำให้ระบบการเรียนรู้และความจำทำงานได้ไม่เต็มที่ และการที่เด็กนอนไม่พอจะรู้สึกง่วงนอนและอ่อนเพลียในระหว่างวัน อาจทำให้เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง และเรียนตามเพื่อนไม่ทัน
- ปัญหาด้านสุขภาพจิต ลูกอาจมีภาวะเครียด และมีพฤติกรรมก้าวร้าว เพราะเด็กที่นอนไม่พอมักจะตื่นมาด้วยความรู้สึกไม่สดชื่น จากการที่ร่างกายไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเหมาะสม ทำให้เป็นคนหงุดหงิดง่าย ฉุนเฉียวง่าย งอแง ก้าวร้าว และมีพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมที่แย่ลง
จะเห็นได้ว่าการนอนไม่พออาจทำให้เด็กๆ เสี่ยงต่อปัญหาได้มากมายขนาดนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย จึงร่วมกันผลักดันแคมเปญรณรงค์ “สามเหลี่ยมสมดุล” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และกระตุ้นให้พ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านช่วยกันปรับพฤติกรรมของลูกหลานให้มีความสมดุล เพียงใส่ใจดูแล 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 9-12 ชั่วโมงต่อวัน การออกกำลังกายอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน และการกินอาหารดีมีประโยชน์ครบถ้วน ซึ่งทั้ง 3 สมดุลนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพกายใจของเด็ก ขอเชิญชวนดาวน์โหลด “คู่มือเลี้ยงลูก 6-12 ปี ให้พัฒนาการดีรอบด้านด้วย สามเหลี่ยมสมดุล” ซึ่งภายในคู่มือมีข้อมูลที่รวบรวมมาเพื่อตอบข้อสงสัยในการเลี้ยงลูกให้สมดุล ทั้ง ‘วิ่งเล่น’ ‘กินดี’ ‘นอนพอ’ โดยแบ่งเนื้อหาให้อ่านเข้าใจง่าย และมีแบบฝึกหัดให้ลองปฏิบัติตามได้ที่บ้าน